วันอังคารที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2552

จู๋ จิ๋ม และ ซิกี ตอนหนึ่ง

สมมติว่ามีแกะอยู่หน้าบ้านอยู่ฝูงนึง แต่ว่าแกะฝูงนี้เป็นแกะพิเศษ แกะบางตัวชอบศึกษาจิตวิทยามาก เลยเขียนบทความจิตวิทยา ลงวิแกะพีเดียเต็มไปหมดเลย คุณนึกสนุกเลยอยากรู้ว่าจิตวิทยาแกะต่างจากจิตวิทยาคนยังไงบ้าง เลยคลิกเข้าไปที่วิแกะพีเดียแล้วลองหาจิตวิทยาแกะ โอ้วปรากฎว่าแกะนั้นมีความรู้ทางจิตวิทยามีครบทุกสาขาย่อยเลย อะโหยแกะพวกนี้ล้ำมาก แต่เผอิญคุณจำได้ว่าบล๊อกจิตสัญญาว่าจะพูดเรื่องจิตวิทยาบุคลิกภาพ คุณอดใจไม่ไหวเลยอยากลองอ่านจิตวิทยาบุคลิกภาพแกะ ลองกดหาดู ... ไม่มี... ไม่มีครับ เพราะว่าแกะทุกตัวเหมือนกันอย่างกับแกะ ที่คนสนใจศึกษาจิตวิทยาบุคลิกภาพก็เพราะว่าคนทุกคนมีบุคลิกภาพต่างกัน มีลักษณะท่าทาง ความคิด นิสัย ใจคอ อารมณ์ไม่เหมือนกันเลยสักคนเดียว เพราะฉะนั้นอีกจุดหมายนึงของนักจิตวิทยาคืออยากรู้ว่าอะไรกันที่ทำให้คนมีบุคลิกภาพไม่เหมือนกัน ทำยังไงเราถึงจะวัดบุคลิกภาพของคนได้

คำถามพวกนี้น่าสนใจทีเดียวเพราะว่าบุคลิกภาพเป็นสิ่งที่มนุษย์ภูมิใจว่าดีกว่าสัตว์แน่นอน มนุษย์เด่นกว่าสัตว์ตรงที่ว่าเราไม่เหมือนกันเลยเนี่ยแหละ ถ้าเราสามารถเข้าใจว่าอะไรทำให้เราไม่เหมือนกันก็จะทำให้เราเข้าใจเพื่อนมนุษย์กันมากขึ้น แต่ถ้าความไม่เหมือนกันเป็นเรื่องที่ไม่ดีเช่น มีนิสัยจับคนไปกินตับ เราก็จะได้สามารถแก้ไขอะไรได้ทัน อีกหนึ่งประโยชน์ที่ชัดๆ ก็คือถ้าเราสามารถวัดบุคลิกภาพของคนได้ เราก็จะช่วยคนหาคณะเรียนที่คลิกถูกใจ หางานที่เหมาะเหมงได้

มาเริ่มจากทฤษฎีเก่าแก่คลาสสิกเลยดีกว่า ทฤษฎีจิตพลวัตรของนายซิกมันด์ ฟรอยด์ หรือชื่อเล่นว่าซิกี้ ไม่มีใครไม่รู้นักจิตวิทยารายนี้ เพราะว่าทฤษฎีของนายซิกี้ดังมาก ไอเดียก็คือจิตมีพลวัตร ซึ่งแปลว่ามีความเคลื่อนไหว มีแรงขับเคลื่อนถึงแม้ว่าเราจะมองไม่เห็นก็ตาม ทฤษฎีนี้บอกไว้ว่าสิ่งที่ควบคุมจิตและพฤติกรรมเปรียบได้กับภูเขาน้ำแข็ง



สิ่งที่เราเห็นก็แค่ปลายเล็กๆที่อยู่เหนือน้ำนั้นเปรียบเหมือนกับจิตสำนึก คือเรารู้ตัวว่าเราคิดอะไรอยู่ สามารถปรับความคิดได้โดยใช้เหตุผลและความรู้ต่างๆ อันนี้ไม่ใช่ประเด็นหลักของทฤษฎี ทฤษฎีนี้บอกไว้อีกว่าจิตพลวัตรของคนนั้นส่วนใหญ่อยู่ใต้สำนึก ส่วนนั้นเปรียบเหมือนก้นมหึมาของภูเขาน้ำแข็งที่อยู่ใต้น้ำที่ใหญ่กว่ายอดภูเขาน้ำแข็งมาก (ก็เพราะงี้แหละเรือไททานิคถึงจม) จิตใต้สำนึกแบ่งออกเป็นสามส่วนด้วยกัน

ส่วนที่จมอยู่ใต้ก้นสุดก็คือ อิด(Id) อิดเป็นตัวแสดงถึง ความกระหื้นกระหายความสุขของมนุษย์ ทำยังไงก็ได้ที่จะได้มาซึ่งความสุข หรือความผ่อนคลาย อิดเป็นส่วนของจิตที่พัฒนาขึ้นมาก่อนตอนคนเกิด คือเหมือนเด็กเพิ่งเกิดอยากได้อะไรก็ร้องไห้ อยากได้อะไรก็ร้องหาแม่ตีหนึ่งตีสองก็ร้องไม่มีเกรงใจอะไรทั้งนั้น

ส่วนที่ถัดขึ้นมาก็คือ อีโก (ego) แสดงถึงส่วนของจิตที่อิงหลักความจริง เช่น พอเด็กโตขึ้นมา พอรู้ว่าที่จริงใช่ว่าร้องไห้แล้วจะได้ทุกอย่าง อยากได้ของเล่นก็ใช่ว่าจะตื๊อพ่อแม่ก็ซื้อให้ได้เสมอไป ว่าง่ายๆ ก็คือเริ่มเห็นหลักความเป็นจริงว่าเราไม่สามารถทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มาซึ่งความสุขเสมอไป
ถัดมาส่วนที่อยู่เหนืออิด กับ อีโก ก็คือ ซุปเปอร์อีโก (superego) อันนี้แสดงถึงส่วนของจิตที่อิงหลักอุดมการณ์ เช่นเด็กโตขึ้นมาอีกก็เริ่มคิดได้ว่ามีความสุขอยู่คนเดียวไม่ใช่ความสุขที่แท้จริง ทุกๆคนต้องมีความสุขเหมือนกับเรา ส่วนของจิตนี้ก็คือพวกศีลธรรม จรรยาต่างๆ นั่นเอง ซุปเปอร์อีโกผลักดันให้เราทำสิ่งต่างๆเพื่อสนองอุดมการณ์ที่อยู่เหนือแค่ตัวเราขึ้นไป แต่ว่าเราจู่ๆ จะขายบ้าน ขายรถ บริจาคให้การกุศลหมดเลยก็ไม่ได้ อีโกเลยต้องช่วยฉุดลงมาให้มันพอดีๆ

ฟรอยด์บอกว่าลักษณะนิสัยของคนขึ้นอยู่กับการโต้ตอบกันของสามส่วนของจิตนี้ ถ้าจิตเติบโตขึ้นมาโดยที่อิดมีอำนาจเหนือกว่าอีโก กับซุปเปอร์อีโก ก็จะกลายเป็นคนเห็นแก่ตัวเอาแต่ใจ แต่ว่าถ้าซุปเปอร์อีโกแรงมากๆ เราก็จะกลายเป็นคนมองโลกในแง่ร้าย เห็นคนอื่นแย่ไปหมด เพราะรู้สึกว่าไม่มีใครมีมาตรฐานศีลธรรมจรรยา สูงเท่าตัวเอง

เอ พูดแต่ภูเขาน้ำแข็งมาตั้งนาน ยังไม่ได้พูดถึงจู๋ ถึงจิ๋มเลย จะใช่ฟรอยด์ได้ยังไง รอฟังอยู่ตั้งนาน ตอนหน้ามีจู๋ มีจิ๋มแน่นอน ติดตามตอนต่อไป

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น