วันพุธที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2553

ไก่กับไข่ อะไรเกิดก่อนกัน


คำตอบก็คือ ไข่ เกิดก่อนแน่นอน ไม่ต้องนั่งเถียงกันเลยว่าไก่ตัวแรกเกิดมาได้ไงถ้าไม่มีไข่ แล้วไข่ฟองแรกเกิดมาได้ไงถ้าไม่มีไก่ จริงๆ คำถามงี้ตอบได้ง่ายมากๆ เลยถ้าเรารู้ว่ามนุษย์คนแรกเกิดมาได้ยังไง

ที่จริงการศึกษาบ้านเราไม่ได้แย่อย่างที่ใครๆ คิดกันนะ คนไทยทั่วไปรู้ดีเชียวล่ะว่ามนุษย์คนแรกเกิดมาได้ยังไง ถ้าไปกินก๋วยเตี๋ยวจากอาแปะปากซอย แล้วลองถามเล่นว่า แปะ แปะ รู้เปล่าว่ามนุษย์ตัวแรกนี่เกิดมาได้ยังไง มาจากไหน แปะ คงตอบเปรี้ยงกลับมาทันทีว่า เอ ถามอะไรโง่ๆ คนก็ต้องกลายพันธุ์มาจากลิงอะสิ ทฤษฎีที่อาแปะพูดถึงมีชื่อเรียกหรูๆ ว่า เรียกว่าทฤษฎีวิวัฒนาการ (Evolutionary theory)

แต่ว่าถ้าถามตาสีตาสาแถวเมกา จะได้คำตอบเหมือนที่ผมให้ตอนที่แล้วครับ หลังจากพระเจ้าสร้างโลกมาอย่างเหน็ดเหนื่อย พระเจ้าก็สร้างมนุษย์คู่แรกขึ้นมา ทฤษฎีนี้เรียกว่า ทฤษฎีสรรค์สร้างนิยม (Creationism theory) หลังจากผมโพสต์เรื่องทฤษฎีสรรค์สร้างนิยมไป แฟนบล็อกจิตก็อีเมล์มาหาผมกันเต็มเลยว่าจะบ้าหรอนี่ เชื่อพวกนี้มาได้ไง รัฐบาลส่งให้ไปเรียนซะเปล่า แต่อย่าทำเป็นเล่นไปครับ ทฤษฎีนี้ฟังดูเพ้อเจ้อๆ แต่ว่าทำให้คนเมกัน เถียงกัน แทบตายทีเดียว เรื่องเป็นอย่างงี้

มีอยู่วันนึงเมื่อประมาณ สี่สิบปีที่แล้ว มีครูคนนึงที่เมกา สอนทฤษฎีวิวัฒนาการในห้องเรียนเพื่อตอบคำถามเดียวกันกับที่เราอยากจะตอบเนี่ยแหละครับว่า มนุษย์เกิดมาได้ยังไง ชีวิตเกิดมาได้ยังไง ครูคนนี้ก็สอนว่ามนุษย์วิวัฒนาการมาจากสัตว์ เริ่มจากสัตว์เซลล์เดียวที่อยู่ใต้น้ำ เจริญเป็นปลา เป็นสัตว์ครึ่งบก ครึ่งน้ำ เจริญเป็นสัตว์บก เจริญเป็นสัตว์ปีก และสัตว์ต่างๆ อีกมากมาย รวมถึงมนุษย์ด้วย กระบวนการการวิวัฒนาการนี้ค่อยๆ เลื้อยๆ เกิดอย่างช้าๆ ใช้เวลาเป็นล้านปี เพราะฉะนั้นตามทฤษฎีนี้แล้ว ไข่เกิดก่อนแน่นอนครับ แต่ว่าอาจจะเป็นไข่ปลา หรือไข่ไดโนเสาร์ เพราะกว่าสิ่งมีชีวิตพวกนี้จะวิวัฒนาการมาเป็นไก่ได้ อะโหยนานครับ ไข่ของสัตว์ที่คล้ายๆ ไก่เกิดมาก่อนนานมากครับ

ซึ่งทั้งหมดนี้ก็แปลว่าสิ่งที่คัมภีร์ไบเบิลบอกมาว่าเกิดโลกและชีวิตเกิดมาได้ยังไงนั่นน่ะ ไม่จริงทั้งนั้น ไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ใดๆ ทั้งสิ้น ไม่มีพระเจ้าที่ไหนหรอกที่มาเขียนไบเบิล พระเจ้าอะไรจะมาเขียนเรื่องราวมั่วซั่วไม่มีอะไรจริงอย่างงี้ โลกและชีวิตไม่ได้ถูกสร้างภายในหกวัน แต่ว่าใช้เวลาวิวัฒนาการอย่างช้าๆ มาหลายล้านปี

ฟังดูดีๆ ครับ แต่ปรากฎว่าครูคนนี้ถูกฟ้องข้อหา สอนทฤษฎีวิวัฒนาการ อ้าวเฮ้ย ถ้างี้ครูชีวะเมืองไทยไม่ถูกจับหมดเหรอเนี่ย สอนทฤษฎีวิวัฒนาการเป็นความผิดถึงขนาดขึ้นโรงขึ้นศาลครับ ฝ่ายที่ฟ้องก็คือนักเรียนที่นั่งเรียนอยู่หน้าสลอนอยู่นั่นแหละครับ เพราะรู้สึกว่าศาสนาคริสต์ที่ตัวเองนับถือถูกลบหลู่ เท่านั้นไม่พอครับคนอื่นก็ยังสนับสนุนเพราะคิดว่าการสอนวิวัฒนาการทำให้ความเชื่อในศาสนาคริสต์ซึ่งเป็นแกนหลักของจริยธรรมและความดีงามของสังคมเสื่อมลง เพราะว่าหลักการขัดแย้งกับคัมภีร์ไบเบิลซึ่งถือว่าเป็นพระวาจาจากพระเจ้า เพราะฉะนั้นการสอนทฤษฎีวิวัฒนาการทำให้สังคมเกิดความแตกแยก เกิดความเสื่อมทราม

เรื่องนี้ก็เถียงกันในศาลกันยุ่งอยู่สักพักครับ และโชคร้ายว่าคุณครูแพ้ความครับ ศาลตัดสินว่าคุณครูรายนี้ลบหลู่ศาสนาซึ่งขัดกับรัฐธรรมนูญ... ประเด็นข้อขัดแย้งนี้ยังคงเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ว่าการสอนทฤษฎีวิวิฒนาการขัดกับรัฐธรรมนูญหรือไม่ บางรัฐในเมกาเลยออกกฎหมายว่าถ้าสอนวิวิฒนาการก็ต้องสอนสรรค์สร้างนิยมด้วย บางโรงเรียนไม่ยอมรับโอนหน่วยกิตถ้าวิชานั้นมีแต่ทฤษฎีสรรค์สร้างนิยมอย่างเดียว

คนเมกันไม่น้อยทีเดียวที่เคร่งศาสนามากๆ ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องดีหรือไม่ดี เคร่งกันมากขนาดว่าศาสนามาขัดแย้งกับการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์ ที่จริงเรียนอยู่เมืองไทยก็ดีไม่น้อยนะเนี่ย

แต่ว่าก็มีคนอีกกลุ่มที่เชิงเคร่งศาสนาครับ แต่คิดว่าต้องมีใครสักคนหรืออำนาจอะไรสักอย่างที่สร้างชีวิต โลก และทุกสิ่งทุกอย่างขึ้นมา อาจจะไม่ใช่พระเจ้าก็ได้ อื่ม... น่าสนใจครับ ตอนหน้ามาดูกันว่าทำไมคนในกลุ่มที่มีความรู้ มีเหตุผลด้วยกันเองอาจจะไม่เชื่อทฤษฎีวิวัฒนาการสักทีเดียว ตอนหน้าครับ

วันอาทิตย์ที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2553

คนเกิดมาได้ยังไง

โตโยต้าประดิษฐ์หุ่นยนต์ แล้วใครประดิษฐ์มนุษย์... คนนั้นต้องเป็นคนฉลาดมากแน่ๆ เลย เพราะว่าหุ่นยนต์สมัยนี้ยังไม่ไปถึงไหนเลยขนาดหลายต่อหลายบริษัท หลายต่อหลายมหาวิทยาลัยพยายามคิดค้นพัฒนาให้มันฉลาดกว่าคนให้ได้

ตัวอย่างง่ายๆ เด็กสามสี่ขวบสามารถพูดจาโต้ตอบกับเราได้แล้ว แต่ว่านักวิทยาการคอมพ์พยายามแล้วพยายามเล่าในการประดิษฐ์โปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่สามารถพูดคุยโต้ตอบได้เหมือนกับคน แต่ว่าตอนนี้ยังไปไม่ถึงไหนเลย

แต่ว่าเด็กสามสี่ขวบเนี่ย แค่นั่งๆ นอนๆ เล่นๆอยู่บ้านแค่นี้ก็สามารถ เถียงพ่อแม่ได้อย่างดีแล้ว

ใครล่ะประดิษฐ์คนขึ้นมา ใครเป็นคนเขียนต้นฉบับจีโนมของคน ที่ทำให้คนออกมาเป็นคนฉลาดเรียนภาษาได้ เดินเหินได้ สร้างสิ่งมหัศจรรย์ได้มากมาย

ที่จริงคำตอบเข้าใจง่ายมากๆ เลย ชาวอเมริกันประมาณเข้าใจมานานแล้ว วันนี้ผมเลยอยากจะเขียนเผยแพร่ให้คนได้รู้กันบ้าง

ไอเดียง่ายๆ ครับ มนุษย์เป็นสิ่งประดิษฐ์ที่ฉลาดหลักแหลมมากๆ ใครที่จะประดิษฐ์มนุษย์ขึ้นมาได้ ต้องเป็นผู้ที่รอบรู้ทุกอย่าง และมีพลังอำนาจมหาศาล แล้วคิดสร้างจักรวาลนี้ขึ้นมา สร้างโลก สร้างชีวิตที่อยู่บนโลก รวมถึงมนุษย์

คำตอบอยู่ในหนังสือที่เรียกว่า พระคัมภีร์ไบเบิล พระเจ้าทรงเป็นผู้สร้างทุกอย่างขึ้นมา โดยใช้เวลาเจ็ดวัน (หกวันถ้าไม่รวมวันหยุด) หลักฐานชัดๆ คือข้างล่างนี้ครับ

1:26 และพระเจ้าตรัสว่า "จงให้พวกเราสร้างมนุษย์ตามแบบฉายาของพวกเรา ตามอย่างพวกเรา และให้พวกเขาครอบครองฝูงปลาในทะเล ฝูงนกในอากาศ และสัตว์ใช้งาน ให้ครอบครองทั่วทั้งแผ่นดินโลก และบรรดาสัตว์เลื้อยคลานที่คลานไปมาบนแผ่นดินโลก"
1:27 ดังนั้นพระเจ้าได้ทรงสร้างมนุษย์ตามแบบพระฉายาของพระองค์ พระองค์ได้ทรงสร้างมนุษย์ขึ้นตามแบบพระฉายาของพระเจ้า พระองค์ได้ทรงสร้างพวกเขาให้เป็นชายและหญิง


แค่นี้เองครับ คำตอบเรื่องจุดกำเนิดของมนุษย์ตอบนั้นง่ายแค่นี้เอง แล้วที่เราเป็นเรามาถึงทุกวันนี้ก็เพราะว่า

1:28 พระเจ้าได้ทรงอวยพรพวกเขา และพระเจ้าตรัสแก่พวกเขาว่า "จงมีลูกดกและทวีมากขึ้น จนเต็มแผ่นดิน จงมีอำนาจเหนือแผ่นดินนั้น และครอบครองฝูงปลาในทะเล ฝูงนกในอากาศ และบรรดาสัตว์ที่มีชีวิตที่เคลื่อนไหวบนแผ่นดินโลก"

พระเจ้าทรงอวยพรให้พวกเราสืบพันธุ์ต่อมาเรื่อยๆ จะได้ไม่สูญพันธุ์ และอยู่ต่อมีอำนาจเหนือโลก เหนือสัตว์ และสิ่งมีชีวิตอื่นๆ อีก

ยังไม่พอ พระคัมภีร์ไบเบิลยังบอกอีกว่าพระเจ้าทรงเป็นผู้ให้กำเนิดโลก ดวงจันทร์ ดวงอาทิตย์ และสัตว์นานาชนิด คำตอบสำหรับคำถามที่ว่าโลกเกิดมาได้ยังไงอยู่ในหนังสือเล่มนี้เองครับ คำตอบเหล่านี้ไม่ต้องอาศัยนักวิทยาศาสตร์มาทำการทดลองอะไรให้ยุ่งยากครับ พระคัมภีร์ไบเบิลถอดมาจากพระวาจาของพระเจ้าเองเลย เพราะฉะนั้นย่อมถูกต้องที่สุด เป็นจริงที่สุด

สรุปก็คือมนุษย์ประดิษฐ์หุ่นยนต์ พระเจ้าทรงประดิษฐ์มนุษย์ มนุษย์ซึ่งมีสมองที่ซับซ้อนกว่าหุ่นยนต์ที่ไฮเทคที่สุดในโลก การศึกษาสมองนอกจากจะช่วยอธิบายพฤติกรรมของเราแล้ว ยังทำให้เรารู้สึกใกล้ชิดกับพระเจ้ามากขึ้นอีกด้วยเพราะสมองเป็นสิ่งที่พระเจ้าให้มาเพื่อเรามีอำนาจเหนือแผ่นดิน และสิ่งมีชีวิตต่างๆ บนโลก ผมเลยรู้สึกดีใจที่เรียนนูโรไซแอนส์ หรือประสาทวิทยาศาสตร์ ได้มีโอกาสศึกษาการทำงานของสมอง ดีใจจังเลย

ตามที่สัญญากันไว้ ตอนหน้าเราจะมาให้คำตอบว่าวิญญาณ อารมณ์ ความรู้สึก มีจริงรึเปล่าครับ

วันจันทร์ที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2553

คนคือหุ่นยนต์

ใช่แล้วครับ ไม่ได้เล่นมุขอะไรทั้งนั้น คนคือหุ่นยนต์จริงๆ หุ่นยนต์เหมือนกับ (หรือเหนือกว่า)คนเกือบทุกด้านถ้าหุ่นยนต์ได้การพัฒนาอย่างเต็มที่

โตโยต้านอกจากจะผลิตรถยนต์ให้แท็กซี่บ้านเราขับรับส่งคนแล้ว ยังกำลังพัฒนาหุ่นยนต์อีกด้วย ลองเปิดวิดีโอสองอันนี้พร้อมกันดู



เหมือนกันเปี๊ยบเลย ไม่เพี้ยนกันเลยสักนิดเดียว

จะสีไวโอลินได้ก็ต้องมีกล้ามเนื้อที่สามารถขยับได้ พับได้ จับต้องได้ คนกับหุ่นยนต์ไม่ต่างกันมาก





เทียบกันดูแล้วคล้ายกันมากครับ มีส่วนที่ยืดออกได้ เพื่อทำให้แขนยืดออกไปได้ มีอีกส่วนที่ดึงกลับเข้ามาได้ ทำให้แขนพับเข้ามาได้

จากแขนมันจะต่อไปสมองได้ จะต่อกันได้ก็ต้องใช้สายไฟครับ




แขนต่อกับไขสันหลังเพื่อที่จะต่อกับสมองอีกทีนึง ส่วนหุ่นยนต์ใช้สายไฟต่อแขนกับคอมพิวเตอร์ แต่ว่าไขสันหลังดูหยุกหยุยกว่า ถ้าสายไฟขาดปุ๊บ เลยขยับตัวไม่ได้

สมองมันก็แค่เซลล์ประสาทมาต่อกันเยอะๆ คอมพิวเตอร์ก็แค่แผงวงจรที่หน่วยในวงจรมาต่อกัน








พอต่อกันดีๆ ก็ขยับแขน มือ จำเนื้อเพลง แค่นี้ก็สีไวโอลินได้เหมือนกัน แล้ว ที่ต่างกันก็แค่วัสดุที่ใช้ทำคนนี่ออกจะหยุยๆ น้ำๆ เลือดๆ แต่ว่าวัสดุที่ใช้ทำหุ่นยนต์มาจากโลหะต่างๆ

ถ้าเอาแบบแผงวงจรไปให้วิศวะไฟฟ้าเก่งๆ ดู นั่งอ่านสักพักนึงก็เข้าใจแล้วว่าแผงวงจรนั้นใช้ทำอะไร พฤติกรรม จิตใจ อารมณ์ความรู้สึก ความรู้คิด ก็เกิดมาจากแค่สายไฟมาต่อกันดีๆ แค่นั้นเอง ไม่มีอะไรมาก อ้าถ้าเราเข้าใจว่าไอ้พวกสายไฟพวกนี้มันต่อกันยังไงในสมอง ส่วนไหนมีหน้าที่อะไรเท่านี้เราก็จะเข้าใจพฤติกรรม จิตใจ อารมณ์ความรู้สึก ความรู้คิดของมนุษย์ทุกอย่าง แต่ว่านักประสาทวิทยาศาสตร์มานั่งดูสมองมาเป็นร้อยปีแล้ว แต่ก็ยังเข้าใจไม่หมดครับ เหะ ผมเลยแอบมั่นใจว่าผมไม่น่าจะตกงาน คงมีอะไรให้ศึกษาวิจัยไปเรื่อย แต่ว่ากว่าจะเริ่มทำวิจัยได้ก็ต้องศึกษาพวกความรู้เก่าๆ เป็นตั้งๆ หนาเตอะ อ่านกันเหนื่อยครับ

นักศิลปินบางรายคงเถียงว่า คนสีไวโอลิน กับ หุ่นยนต์สีไวโอลิน จะเหมือนกันได้ไง คนสีด้วยจิตวิญญาณ แต่ว่าหุ่นยนต์ไม่ม่จิตวิญญาณ.... ในแง่นี้นักประสาทวิทยาศาสตร์ไม่ขอเอี่ยวด้วยครับ เพราะว่านักประสาทวิทยาศาสตร์เป็นนักวิทยาศาสตร์ที่ใช้วิธีการวิทยาศาสตร์ จิตวิญญาณเป็นสิ่งที่ยังพิสูจน์ไม่ได้ ตรวจจับ วัดผลไม่ได้ ก็เลยไม่ขอเสนอข้อสรุปครับ ว่าง่ายๆ คือ ก็ตอบกลับไปว่าวิญญาณนี้อาจจะมีหรือไม่มีจริงก็ได้... แต่เอ คนทำไมต้องมีวิญญาณล่ะ ถ้าไม่มีประโยชน์เลยจะมีไปทำไมนะ เอหรือว่ามันมีประโยชน์จริงๆ

มนุษย์เป็นคนที่สร้างหุ่นยนต์ขึ้นมา แล้วใครกันล่ะที่สร้างมนุษย์ขึ้นมา คนเกิดมาได้ยังไง

เฮ่อ คำถามเยอะแยะเต็มไปหมด ตอนต่อๆ ไปจากนี้ เราจะได้รู้กันครับว่ารัฐบาลไทยส่งผมมาเรียนอะไรบ้าง พฤติกรรมของเราด้านไหนบ้างที่เรารู้ชัดแล้วว่าถูกสั่งมาโดยสมอง หรือจิตใจเราได้ยังไง เราเข้าใจสมองถึงขั้นไหนแล้ว วิญญาณมีจริงรึเปล่า คนเกิดมาได้ยังไง และคำถามอื่นอีกที่น่าตื่นเต้นมากมายครับ