วันอังคารที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2552

การผจญภัยของน้องแน็ต (จู๋ จิ๋ม และซิกี ตอนสอง)

สมมติเพื่อนข้างบ้านคลอดลูกพอดี ชื่อว่าน้องแน็ต น้องแน็ตเกิดมาในครอบครัวบ้านๆ ที่อาศัยอยู่น่าปากซอยบ้านคุณ น้องออกมากลิ้งเล่นบนเปล และเกิดสงสัยว่าเอ... กว่าจะโตเป็นผู้ใหญ่จะต้องเผชิญอะไรบ้างนะ... โชคร้ายว่าน้องแน็ตเป็นคน การที่โตจากคนตัวเล็กๆ เป็นคนตัวใหญ่ๆ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย มาดูกันดีกว่าน้องแน็ตจะต้องเผชิญกับอะไรบ้างกว่าโตขึ้นมาได้

แน่นอนตามหลักของลุงซิกี ฟรอยด์ น้องแน็ตต้องเผชิญกับจู๋และจิ๋ม เริ่มกันเลย

ลุงซิกีตั้งทฤษฎีการพัฒนาทางเพศและจิต โดยอาศัยหลักที่ว่าการพัฒนาทางเพศและจิตนั้นเป็นของคู่กัน และการพัฒนาการนี้มีอยู่ห้าระดับด้วยกัน ว่าง่ายๆ คือ แต่ละระดับและช่วงวัยน้องแน็ตจะมีเริ่มหมกมุ่นในวัตถุของความสุขที่ต่างๆกันไป ถ้าไม่ได้รับความสุขในระดับนั้นๆ การพัฒนาการของน้องแน็ตจะถูกตรึงเอาไว้้ในระดับนั้น (fixation) ความขัดแย้งขัดเคืองในใจก็จะซุกอยู่ในจิตไร้สำนึกและจะโผล่ออกมาในรูปของนิสัยที่พิลึกๆ มาดูกันเลย เพราะฉะนั้นน้องแน็ตจะโตขึ้นมาเป็นยังไงก็อยู่กับการพัฒนาในช่วงระดับต่างๆ นั้นเอง

ระดับแรกคือระดับปาก (oral phase) น้องแน็ตชอบเอาของเข้าปาก กัดเล็บ ดูดขวดนม หรือ ดูดนมจากเต้าของแม่เมามันส์มาก ในช่วงระดับนี้น้องแน็ตต้องการที่จะเรียนรู้ว่าเราไม่สามารถได้สิ่งที่อยากได้เสมอไป ถ้าสังคมตามใจน้องแน็ตมากๆ ในช่วงนี้มากๆ เช่น ร้องเมื่อไรก็ให้ขนม น้องแน็ตจะถูกตรึงในระดับปาก (oral fixation) โตขึ้นมาก็จะมีนิสัยเอาแต่ใจ ถ้าสังคมไม่ยอมตามใจเด็กในระดับที่เหมาะสม เช่น นมก็ไม่ให้กิน ไม่ยอมให้ของเล่นมากับขบเล่น น้องแน็ตก็จะถูกตรึงในระดับปากเช่นกัน พอโตขึ้นมาจะมีนิสัยชอบเคี้ยวหมากฝรั่ง สูบบุหรี่ หรือกินจุ

พอน้องแน็ตโตมาได้ขวบกว่า น้องแน็ตต้องเผชิญด่านต่อไป ด่านที่สองคือระดับตูด (anal phase) ช่วงนี้น้องแน็ตเริ่มเบื่อเอาของเข้าปากกัดเล่นแล้ว น้องแน็ตหันมาเล่นตูดเล่นขี้แทน อื้อมันเหลืองข้นหนีบสะใจเหลือเกินอะโหย พ่อแม่น้องแน็ตก็เริ่มส่ายหัวพยายามให้น้องแน็ตเลิกเล่นขี้ เพราะฉะนั้นพ่อแม่เลยพยายามสอนน้องแน็ตใช้ห้องน้ำให้ถูกต้อง ขี้ให้ถูกที่ และก็พยายามให้เลิกเล่นขี้ ถ้าพ่อแม่จู่ๆหักดิบไม่ให้เล่นขี่้ หรือด่าน้องแน็ตไม่เหลือซาก ตอนที่น้องแน็ตพยายามทำใจให้หย่าการเล่นขี้ให้ได้ น้องแน็ตก็จะตรึงอยู่ในระดับตูด (anal fixation) โตขึ้นมาจะมีนิสัยเรื่องมาก เจ้าระเบียบ ในทางกลับกันถ้าพ่อแม่ไม่ค่อยสนใจปล่อยให้เล่นขี้ไปซะงั้น น้องแน็ตโตขึ้นมาก็เล่นขี่้เหมือนเดิม... เอ้ยไม่ใช่ โตมาก็จะมีนิสัยรกรุงรัง ไม่ค่อยดูแลตัวเอง ดูแลความสะอาด ซุ่มซ่ามเบ๊อะบ๊ะ แต่ถ้าพ่อแม่พยายามช่วยน้องแน็ตปรับตัว ใช้ห้องน้ำได้ถูกต้อง น้องแน็ตก็จะเติบโตขึ้นมาเป็นผู้ใหญ่ที่ควบคุมตัวเองได้ บันยะบันยังได้

ตอนนี้น้องแน็ตเริ่มโตขึ้นมาแล้ว ประมาณสามขวบกว่า ระดับที่สามคือระดับจู๋ ใช่แล้วครับจู๋ในความหมายชาวบ้านๆ นี่แหละ น้องแน็ตเริ่มเล่นจู๋ อะโหยสนุกเหลือเกิน เริ่มเรียนรู้ว่าตัวเองเป็นผู้ชาย และมีจู๋ และจู๋สามารถตั้งแข็งขึ้นมาได้ น้องแน็ตช่วงนี้เริ่มอยากได้แม่มาครอบครองคนเดียว ก็เลยอิจฉาพ่อเพราะพ่ออยู่กับแม่ นอนกับแม่ตลอดเลย ปมปัญหานี้เรียกว่า ปมเอดิปัส (Oedipus complex) ปัญหาจริงๆ ก็คือพ่อตัวใหญ่แข็งแรงเหลือเกิน แย่งแม่มาจากพ่อไม่ไหว เลยกลัวไปอีกว่าพ่อจะมาตัดจู๋ทิ้ง ถ้าถูกตัดจู๋ ก็ไม่รู้จะเล่นกับอะไร อดสืบพันธุ์อีกต่างหาก น้องแน็ตเลยหวาดวิตกมากไม่รู้ทำไงดี เลยพยายามทำให้พ่อเป็นต้นแบบ และเรียนรู้ลักษณะนิสัยต่างๆจากพ่อ เพื่อให้ตนเองพ้นจากการถูกตัดจู๋ ถ้าเกิดปมนี้ไม่ถูกแก้ เหะเหะมุขเดิม น้องแน็ตจะถูกตรึงในระดับจู๋ พอโตขึ้นมาก็จะมีนิสัยหยิ่งผยอง เพื่อชดเชยกับการที่ไม่ได้แม่มาครองในช่วงระดับจู๋
เอ แต่ถ้าน้องแน็ตเป็นผู้หญิงล่ะ ผู้หญิงไม่มีจู๋ล่ะ จะมีปมอะไรบ้างมั้ย คำตอบคือ มี เรียกว่าปมอิเล็กตรา เด็กผู้หญิงก็อยากได้แม่มาครอบครองแต่เพียงผู้เดียวเหมือนกัน แต่ว่าเด็กผู้้หญิงไม่มีจู๋เลยคิดว่าคงเอาแม่มาครองคนเดียวไม่ได้ถ้าไม่มีจู๋ เลยเกิดอิจฉาจู๋พ่อขึ้นมา เด็กผู้หญิงเลยแก้ปัญหาโดยพยายามทำให้แม่เป็นต้นแบบ เพราะว่าแม่ก็ไม่มีจู๋เหมือนกัน แต่ว่าเด็กห่างเหินแม่ ไม่มีโอกาสได้เห็นแม่เป็นแบบอย่างก็จะถูกตรึงไว้ โตขึ้นมาก็จะร่านอยากได้จู๋ นอนกับผู้ชายไม่เลือก หรือไม่ก็พยายามทำให้ตัวเองเหนือกว่าผู้ชายให้ได้

เฮ่อ น้องแน็ตบอก...เหนื่อยโว้ยไหนจะห้ามไม่ให้เล่นขี้ ไหนจะกลัวถูกตัดจู๋ ลุงซิกีเลยให้น้องแน็ตพักนิดนึง ระดับต่อไปคือระดับเฉื่อย ใช่แล้วครับ ระดับเฉื่อย ช่วงนี้น้องแน็ตได้ปิดเทอมนิดนึง ก่อนที่จะก้าวสู่ระดับต่อไป ในระดับเฉื่อยไม่มีปมประหลาดอะไรให้น้องแน็ตต้องแก้

น้องแน็ตสิบขวบเลย เหลือด่านสุดท้าย นั่นก็คือระดับความต้องการทางเพศ เฮ่อเพศอีกแล้ว แต่ว่าคราวนี้น้องแน็ตโตแล้ว ความคิดอ่านเริ่มถูกควบคุมโดยอีโกได้เต็มที่ แต่ว่าระดับสุดท้ายนี้น้องแน็ตต้องพยายามเริ่มไม่พึ่งพาพ่อแม่ และพยายามเสาะแสวงหาความสุขทางเพศจากคนรอบๆตัว แต่ว่าน้องแน็ตเริ่มโตแล้วความสุขทางเพศไม่ได้มาจากการนอนกับผู้หญิงที่โรงเรียนแต่อย่างเดียว ความสุขนั้นมาจากการที่เพื่อนที่โรงเรียนยอมรับ เพื่อนฝูงรักใคร่ ถ้าเกิดไม่ได้ระดับการยอมรับจากเพื่อนๆที่โรงเรียนหรือคนอื่นในสังคม น้องแน็ตโตขึ้นมาก็จะมีชีวิตรักที่กระท่อนกระแท่น เป็นคนเย็นชา หรือไม่ก็กลายเป็นคนไร้สมรรถภาพทางเพศหรือนกเขาไม่ขันไปซะงั้น

อื่ม... จบแล้ว

เอ ฟังดูทะแม่งๆ ทำไมคราวนี้ไม่เห็นมีการทดลองอะไรเลย ทฤษฎีพวกนี้มาจากไหน นายซิกีเอาเด็กมาจับไว้แล้วลองห้ามพ่อแม่สอนลูกใช้ห้องน้ำ แล้วมาวัดนิสัยกันตอนโตอย่างงั้นเรอะ ไม่ได้ๆๆ ทำแบบนั้นไม่ได้เพราะว่ามันผิดหลักศีลธรรม เอาเด็กมาทดลองแบบนั้นไม่ได้ เอ...แล้วนายซิกีไม่นั่งเทียนเอาทฤษฎีประหลาดมาจากไหนเนี่ย คำตอบก็คือ ใช่แล้วครับนายซิกีนั่งเทียนเอา คือหลักฐานจากประสบการณ์นั่งฟังคนไข้ที่เข้ามาปรึกษามาเล่าให้ฟัง แล้วก็ตีความเอามาเป็นหลักการทฏษฎีซะงั้น แต่ว่าทฤษฎีนี้มันเหมือนฟังนิทานโป๊ ฟังแล้วสนุกดีก็เลยฮิตติดชาร์ทไป นักจิตวิทยาสมัยใหม่เลิกศึกษาทฤษฎีของนายซิกีไปเรียบร้อยแล้ว เพราะว่ามันไม่มีความเป็นวิทยาศาสตร์เอาซะเลย

แต่ว่ามีนักวิชาการกลุ่มนึงครับที่นิยมประยุกต์หลักของนายซิกีอยู่เรื่อยๆ คนกลุ่มนั้นคือนักวิชาการด้านมนุษยศาสตร์ครับ เช่นลองอ่านหนังสือวรรณกรรมแล้วลองมาวิเคราะห์นิสัยตัวละครโดยใช้หลักพัฒนาการทางเพศและจิต เช่น ตัวละครตัวนี้ตอนเด็กๆ มีปัญหากระทบกระทั่งกับพ่อ พ่อชอบตบตีแม่ ตัวละครเลยถูกตรึงในระดับจู๋ ซึ่งส่งผลในท้องเรื่องตอนหลังตัวละครตัวนี้กลายเป็นเลยเย่อหยิ่งจองหอง... เฮ่อว่ากันเข้าไปนั่นไม่จบไม่สิ้นสักที

ตอนที่ผมเรียนทฤษฏีนี้ตอนปริญญาตรี เค้าไม่เน้นเลยให้เราเข้าใจเนื้อหาทฏษฎีของฟรอยด์โดยละเอียด(ตอนผมเริ่มเขียนผมต้องมาเปิดวิกิ มาเปิดตำราเก่าดู) แต่ว่าเค้าหยิบขึ้นมาสอนเพื่อชี้ให้เห็นว่านักจิตวิทยาสมัยใหม่นั้นใช้เพียงแค่วิธีการทางวิทยาศาสตร์และสถิติเท่านั้น อะไรที่ไม่มีหลักฐานการทดลองมายืนยัน เราไม่ถือนั่นคือความรู้ เป็นแค่ทฏษฎีมีพูดขึ้นมาลอยๆ เฉยๆ

บางทีผมก็อดขำไม่ได้ครับ เวลาคนพูดว่า อยากเรียนจิตวิทยาเพราะอยากเก่งแบบซิกมันด์ ฟรอยด์ ตอนนี่้ทุกคนคงเข้าใจผมแล้วนะครับ

ตอนหน้ามาดูกันว่านักจิตวิทยาสมัยใหม่ใช้วิธีอะไรในการศึกษาบุคลิกภาพของคน โทษทีตอนนี้ยาวมากๆเลย ยาวที่สุดเท่าที่เคยเขียนมา

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น