วันอังคารที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2552

ช็อต

หลังสงครามโลกครั้งที่สอง ฮิตเลอร์สั่งให้ทหารเยอรมันฆ่าล้างเผ่าพันธุ์คนยิว คนยิวตายไปหกล้านคน มันหาคนมาจากไหนที่จะบอกให้ไปฆ่าใครก็ฆ่าได้ขนาดนั้น สั่งให้ทหารออกไปฆ่าคนรายวันได้ ช่วงนั้นนักจิตวิทยาเลยสนใจกันมากว่า ทหารฮิตเลอร์ทำงี้ได้ยังไง นักจิตวิทยาสังคมคนนึงชื่อ แสตนลีย์ มิลแกรม (Stanley Milgram) สร้างการทดลองทางจิตวิทยาขึ้นมาอันนึงที่มหาวิทยาลัยเยลซึ่งเป็นมหาลัยที่ได้รับการยอมรับนับถือมากในประเทศอเมริกา การทดลองนี้ดังมากๆ สามารถเปิดดูวิกิพีเดียได้ แต่ว่าผมก็จะเอามาเล่าให้ฟังอยู่ดี
การทดลองเป็นอย่างนีี้คือ นายแสตนลีย์เรียกคนเข้ามาร่วมการทดลอง แล้วหลอกว่าเค้าต้องการศึกษาว่าคนเรียนรู้คำศัพท์ยังไง ฮ่าๆ ที่จริงแล้วไม่เกี่ยวเลย พอคนเข้ามานายแสตนลีย์ก็บอกว่า หน้าที่ของคุณก็คือเป็นคุณครู สอนให้นักเรียนจำคำศัพท์ที่อยู่บนกระดาษ ก่อนเริ่มเหยื่อเข้ามาจับมือทักทายนักเรียน ทำความรู้จักกันเรียบร้อย แต่ว่าเหยื่อของเราไม่รู้หรอกว่านักเรียนที่ว่านี้เป็นหน้าม้าของนายแสตนลีย์ วิธีที่ครูสอนก็คือ ครูจะอยู่ห้องนึงอ่านคำศัพท์ให้นักเรียนฟังผ่านทางเสียงตามสาย ถ้านักเรียนจำคำศัพท์ไม่ได้ ให้กดปุ่มช็อตไฟฟ้าซึ่งหน้าตาเป็นแบบนี้

ถ้านักเรียนทำผิดครั้งต่อไปก็ให้กดปุ่มถัดไปซึ่งไฟจะช็อตแรงขึ้นเรื่อยๆ แล้วก็เขียนไว้ชัดด้วยๆ ถ้ากดถึงปุ่มสุดท้ายคนถูกช็อตอาจตายได้ แต่ที่จริงแล้วหน้าม้าของเราที่ปลอมเป็นนักเรียนไม่ได้ถูกช็อตเลย พอกดปุ่มก็จะเปิดเสียงร้องจ๊ากที่อัดไว้ก่อนแล้ว ว่าง่ายคือปุ่มช็อตที่จริงก็คือปุ่มเล่นเทปนั่นเอง เริ่มกันเลยดีกว่า
ผิดครั้งแรก กดปุ่มปุ๊บ นักเรียนก็ร้องอู๊ย ปุ่มที่สอง ร้องอะจ๊าก ปุ่มถัดๆไป ปุ๊บก็ตะโกนไม่ไหวแล้วนะโว้ยปล่อยตูออกไป ... คราวนี้คุณครูก็งงไม่รู้ทำไงต่อเพราะไม่อยากจะช็อตนักเรียนไปเรื่อยๆ เลยหันไปถามนายแสตนลีย์ นายแสตนลีย์ก็ตอบว่า

กรุณาดำเนินการทดลองต่อไป...

ถ้าถามอีกก็จะบอกว่า

การทดลองกำหนดว่าคุณต้องดำเ
นินการต่อ...

... พอปุ่มหลังๆ นักเรียนไม่ตอบสนอง ทำเหมือนกับสลบไปแล้ว ถามคำศัพท์ก็หยุดตอบแล้ว แต่ว่านายแสตนลีย์ก็บอกว่า ไม่ตอบก็ถือว่าผิด ให้ช็อตไฟฟ้าต่อไป

ปรากฎว่าคนส่วนใหญ่ช็อตจนถึงปุ่มสุดท้าย ทั้งๆที่ป้ายเขียนว่าไฟฟ้าแรงมากๆ นักเรียนอาจจะตายได้... เกิดอะไรขึ้นกันล่ะเนี่ย ทำไมชาวบ้านที่ไม่มีพิษมีภัยถึงทำกับอีกคนอย่างนี้ให้ลงคอ เห็นชัดๆว่า ถ้าเกิดไม่มีนายแสตนลีย์คอยบอกให้ช็อตคนไปเรื่อยๆ คนส่วนใหญ่คงไม่ช็อตไปถึงปุ่มสุดท้าย สิ่งที่เค้าต้องการจะชี้ให้เห็นคือว่า เราสามารถถูกบอกให้ทำอะไรร้ายๆ ได้ถ้ามีบุคคลที่แสดงอำนาจเหนือเรา ปัจจัยที่ทำให้คนตกอยู่ในอำนาจ ก็แนวโน้มของคนที่ชอบทำตามสิ่งที่คนอื่นบอกให้ทำเมื่อตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน พอเราไม่รู้จะตัดสินใจยังไงก็ทิ้งให้การตัดสินใจไปอยู่กับคนอื่น นี่คือประเด็นหลักประเด็นแรกของการทดลอง ซึ่งทำให้โยงไปถึงประเด็นที่สองของการทดลองนี้ เรารู้สึกเหมือนว่าเราแค่ทำตามคำสั่งของคนที่มีอำนาจ ถ้ามีอะไรร้ายๆเกิดขึ้น ความรับผิดชอบก็จะไปตกอยู่กับคนที่มีอำนาจสั่งการ ทำให้รู้สึกเหมือนว่าเราจะไม่ได้รับผลกระทบจากสิ่งที่เราทำ สองประเด็นนี้ทำให้เราเข้าใจว่าทหารนาซีจับคนยิวไปเข้าเตาอบรมควันพิษตายเป็นเบือได้ทุกวันได้ยังไงกัน รู้ๆกันอยู่ว่าระบบทหารมันเป็นลำดับขั้นตามยศ นายใหญ่สั่งมาก็ทำไป ถ้ามีอะไรแย่ๆ คนก็ไปโทษนายใหญ่ อย่างง่ายๆ เลย เราก็คิดว่าฮิตเลอร์โหยมันโหดไม่สมควรเป็นคนอีกต่อไปเพราะว่าฆ่าคนยิวเยอะมาก แต่จริงๆ นายฮิตเลอร์อาจจะไม่ได้ฆ่าคนยิวด้วยตัวเค้าเองเลยแม้แต่คนเดียวก็ได้ แต่สั่งทหารไปฆ่าแทน เห็นมั้ยครับว่าเราก็โทษเอาคนที่สั่งการ ไม่เคยมีใครไปหารายชื่อทหารตอนนั้นแล้วมาแปะปราณามกลางสนามหลวงเลย ทหารเยอรมันตอนนั้นก็คงรู้สึกอย่างเดียวกัน แล้วก็แค่ทำตามคำสั่งไปเท่านั้น ทั้งๆ ที่รู้ว่าสิ่งที่ทำไปมันโหดเกินมนุษย์อยู่
แต่ว่านักจิตวิทยาสังคมไม่หยุดอยู่แค่นี้ครับ เค้าไขว่คว้าค้นหาต่อไปว่าทำไมคนถึงทำเลวได้ ติดตามตอนหน้า


2 ความคิดเห็น: