วันจันทร์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2552

ยอดชายนายซิมบาโด้ ตอนสอง

จากตอนที่แล้วทุกคนรู้เบสิคแล้วว่าแกล้งให้เพื่อนเดิมไปตบกบาลคนขับรถเมล์เขียวได้ยังไง แล้วก็รู้แล้วว่าพอคนธรรมดาๆ ตาสี ตาสามาจับใส่คุกปลอมแล้วจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง (อื่ม...ถ้าไม่รู้ไปอ่านยอดชายนายซิมบาโด้ ตอนหนึ่ง) ตอนนี้ทุกคนจะพอเข้าใจว่านายซิมบาโด้นอกจากจับคนมาขังคุกเก่งแล้วยังมีความสามารถในการต่อยไข่ ใส่สี โรยผักชี งานทดลองของพี่แกจนออกทีวีได้ทุกวี่ทุกวัน ดูกันต่อเลยว่า หมอนี่ดังได้เพราะอะไร

ดังเพราะเสนอหน้าเก่ง
เด็กเมกันที่เรียนจิตวิทยาตอนอยู่ม.ปลาย มักจะได้ดู วิดีโอของซิมบาโด้ ซึ่งส่วนใหญ่ก็คือสารคดีจิตวิทยาที่นายซิมบาโด้พร้อมกับหนวดเครื่องหมายการค้าของเฮียเค้าตอนหนุ่มๆ ปัจจุบันโรงเรียนส่วนใหญ่ก็ยังใช้กันอยู่ แต่ล่าสุดนี้การทดลองคุกแสตนฟอร์ดดังขึ้นมาใหม่เพราะว่ามันไปคล้ายคลึงกับสถานการณ์ของคุกในอิรักตอนที่พวกเมกันไปบุกอิรักเพราะคิดว่าซัดดัมกำลังเตรียมอาวุธที่มีพลังทำลายล้างสูงอยู่ และกำลังร่วมสนับสนุนการก่อการร้าย (ทั้งๆที่ อาจจะไม่จริง เมกันอาจจะแค่อยากได้น้ำมัน) แต่ว่าเรื่องที่มันจะเกี่ยวกับนายซิมบาโด้ก็คือว่า ทหารเมกันเข้าไปในอิรักแล้วก็ยีดคุกอาบู กราอิบเป็นฐานบัญชาการหรืออะไรประมาณนั้น แล้วมีอยู่วันหนึ่งมีภาพหลุดจากคุกออกมา ไม่ใช่วิดีโอคลิปอั้มหรืออะไรทั้งนั้น แต่ว่าเป็นภาพนักโทษอิรักในคุกทหารเมกัน ทรมานสารพัดที่จะๆ คือรูปข้างล่าง


นายทหารที่นั่งทับนักโทษอิรักอยู่ชื่อว่า จ่าชิป พอรูปนี้หลุดออกไปจ่าชิปก็เดือดร้อนต้องขึ้นโรงขึ้นศาล เพราะว่าทำให้กองทัพเมกันเสื่อมเสียชื่อเสียงไปทั่วโลก (ใช่ว่าชื่อเสียงยังมีให้เสื่อมเสียอะนะ) แต่ว่าจ่าชิบกำลังจะถูกจับเข้าคุกด้วยประการฉะนี้ แต่ว่าแต่นแต๊น นายซิมบาโด้ก็ออกมาพยายามช่วยชีวิตจ่าชิป นายซิมบาโด้ก็เถียงว่าที่จริงเรื่องที่จ่าชิปกลั่นแกล้งทรมานนักโทษอิรักไม่ใช่ความผิดของจ่าชิปเองเลย สถานการณ์ในคุกอาบูกราอิบก็เหมือนสถานการณ์ในคุกแสตนฟอร์ด คนดีๆ ธรรมดาๆ พอจับมาอยู่สถานการณ์แบบนั้นก็กลายเป็นคนเลวกันไปหมดเพราะว่าอำนาจของสิ่งแวดล้อมและสถานการณ์ จ่าชิปก็เหมือนกันสถานการณ์ในคุกอาบูกราอิบนั้นเคร่งเครียดมาก เพราะไม่รู้จะถูกพวกอิรักเอาระเบิดลง หรือมาลุยทลายคุกเมื่อไร แล้วว่าทหารเมกันไม่เคยถูกฝึกให้มาอยู่คุมคุกในต่างแดนแบบนั้นด้วย เพราะฉะนั้นทหารนายไหนต่อให้ดีแค่ไหนก็ตามถ้าถูกส่งมาทีนี่ก็คงทำเหมือนจ่าชิปกันทั้งนั้น ด้วยเหตุนั้นเองจ่าชิปไม่ควรจะเป็นจะตกเป็นผู้ต้องหา คนที่ฝึกทหารต่างหากควรจะเป็นคนรับผิด

พยายามก็พยายามนะครับ แต่ว่าศาลไม่ฟังความจากนายซิมบาโด้ แล้วก็สั่งจับขังจ่าชิป ปลดยศ ปลดเงินประจำตำแหน่ง เสียทุกอย่างเลย...

โอเคเรื่องทำให้นายซิมบาโด้ดังขึ้นมา ถึงแม้จะช่วยนายชิปไม่สำเร็จ แต่ว่าสื่อก็เอาคำให้การของนายซิมบาโด้ออกไปเผยแพร่ คนก็หันมาสนใจการทดลองคุกแสตนฟอร์ดเข้าไปอีก แต่ว่ายังไม่พอครับ นายซิมบาโด้ก็ออกมาเขียนหนังสือเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ว่าไม่ใช่หนังสือพอกเก็ตบุ๊คดาราทั่วไป แต่ว่าเป็นหนังสือที่นายซิมบาโด้อ้างถึงการทดลองต่างๆที่เคยทำมา แล้วอ้างอิงถึงกรณีของจ่าชิป แล้วตั้งชื่อปรากฎการณ์ที่สถานการณ์พาให้คนเป็นคนเลวว่า ปรากฎการณ์ลูซิเฟอร์ เหะเหะ ตั้งชื่อตามเทวดาตกสวรรค์แล้วกลายเป็นมารไป แล้วก็ออกทัวร์โปรโมตหนังสือไปทั่วประเทศ ดังเข้าไปอีก ขายของได้ด้วย ฮ่าๆ และยังออกตระเวณทัวร์บรรยายให้เด็กๆฟังอีกว่า เด็กๆครับเราต้องต่อสู้กับสถานการณ์ ทำตัวเป็นวีรบุรุษเดินดิน อย่าให้สถานการณ์พาเราเป็นคนเลวไปได้...ว่าไปนั่น

อ่า คราวนี้สงสัยกันรึเปล่าว่าทำไมศาลถึงไม่เชื่อนายซิมบาโด้ทั้งๆที่เค้าเป็นอาจารย์จากมหาวิทยาลัยชื่อดัง แล้วก็ดูเหมือนจะเป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านจิตวิทยา นายซิมบาโด้ดูบ้าๆบอๆ หรือว่าอะไรกัน ที่จริงๆ แล้วนักจิตวิทยาบางกลุ่ม(เหะรวมทั้งผมด้วย) ไม่ค่อยคิดว่าการทดลองคุกแสตนฟอร์ดนี่มันมีความเป็นวิทยาศาสตร์มากเท่าไร นั่นหมายความว่าการทดลองไม่การควบคุมให้เป็นมาตรฐานเช่น คนคุมคุกในแต่ละวันจะต้องอะไรกับนักโทษบ้าง นักโทษแต่ละวันจะต้องทำอะไรบ้าง เพราะฉะนั้นคนอื่นจะลองทำการทดลองอีกรอบก็จะไม่เหมือนเดิม ผลออกมาก็อาจจะบอกไม่เหมือนเดิม ทำให้สรุปอะไรไม่ได้สักอย่างจากการทดลอง อันนี้เป็นหนึ่งข้อกล่าวหาว่าการทดลองไม่เป็นวิทยาศาสตร์ อีกอันนึงก็คือการทดลองทางวิทยาศาสตร์ตามปกติแล้วจะต้องหยิบคนมั่วๆ มาเข้าร่วมการทดลองเพื่อว่าการทดลองจะได้ยุติธรรม และทำให้สรุปได้ว่าผลการทดลองนั้นเวิร์คกับคนทุกกลุ่ม แต่ว่าการทดลองนี้หยิบคนมาไม่มั่วจริง เค้าแต่คนที่ออกจะมีแนวโน้มก้าวร้าวอยู่แล้ว เพราะว่าตามประกาศบอกว่าจะให้คนเข้ามาเป็นคนคุมคุก และนักโทษ คนเห็นประกาศพวกนี้ก็ยิ้ม ฮ่าๆ จะได้เงินค่าตอบแทนด้วย แล้วเผลอได้ตีนักโทษเล่นๆ อีกตะหาก บวกกับนายซิมบาโด้แปะประกาศในมหาวิทยาลัย ก็เลยจะได้แต่เด็กเมกัน ในกลุ่มอายุนั้นๆ เพราะฉะนั้นการทดลองนี้ได้คนไม่มั่วจริง อาจจะเป็นได้ว่าที่การทดลองผลออกมาเป็นอย่างนั้น เพราะได้คนที่มันออกก้าวร้าวอยู่แล้วก็ได้ ถ้าหยิบชาวบ้านข้างถนนมั่วๆ มาจริง ผลอาจจะออกมาไม่เหมือนกัน

แต่ว่าสรุปจริงๆก็คือ ถึงแม้ว่าการทดลองของนายซิมบาโด้อาจจะไม่มีผลสรุปอะไรจริงๆ แต่ว่าประเด็นนายซิมบาโด้ขุดขึ้นมาก็ฟังดูดีอยู่ คนมักจะโทษไปว่าสิ่งเลวๆที่เกิดขึ้น นั้นเกิดจากคนคนนั้นเอง และก็มองข้ามอิทธิพลของสถานการณ์ไป ศาลที่ตัดสินจ่าชิปอาจจะมองข้ามจุดนี้ ที่จริงมีทฤษฎีจากนักจิตวิทยาอีกคนนึงครับ ที่ทำให้เราพอจะรู้ว่าทำไมคนถึงมักจะมองข้ามอิทธิพลของสถานการณ์ การทดลองของนายคนนี้ค่อนข้างฉลาดทีเดียว ไว้มาดูกันตอนหน้าละกัน ตอนนี้เริ่มยาวเกินไปแล้ว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น