วันพุธที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2553

โรค(กายและ)จิต

ห้ามเดินตากฝน เดี๋ยวเป็นหวัด
ห้ามกินของตกพื้น เดี๋ยวปวดท้อง
ระวังอย่าให้ยุงกัด เดี๋ยวจะเป็นมาลาเรีย

การแพทย์เราพัฒนามากมาย รู้แล้วว่าอะไรเป็นตัวการของโลกอะไร แถมยังวัคซีนฉีดหยอดไว้กันโรค อีกต่างหาก แล้วก็รู้อีกว่าเวลาเป็นหวัดเชื้อโรคมันเข้าไปทำอะไร อุด ขุด เจาะ ช่องอะไรในร่างกาย โรคทางกายพวกนี้เรารักษาได้เกือบหมด เพราะว่าเรามีรู้สาเหตุ อาการ อะไรเรียบร้อย โรคทางจิตล่ะครับ เกิดจากอะไร แบคทีเรีย ไวรัส ผงชูรส หรือว่าเกิดจากการที่เราไปเอาความคิดอะไรประหลาดเข้ามาทำให้ระบบความคิดป่วน

นักจิตวิทยากลุ่มนึงสังเกตว่า พ่อแม่พี่น้องหรือญาติๆของผู้ป่วยจิตเภทมักจะเป็นจิตเภทเหมือนกัน อื่ม แปลว่าโรคจิตเภทอาจจะติดต่อทางกรรมพันธุ์ เพื่อให้ฟังดูน่าเชื่อถือ ดูเป็นวิทยาศาสตร์มากขึ้นนักจิตพวกนี้เลย ลองนับดูว่าถ้าเรามีพี่หรือน้อง หรือพ่อแม่ หรือญาติ หรือตาสีตาสาที่ไม่เกี่ยวข้องคณาญาติอะไรกับเราเลยที่เป็นจิตเภท เราจะมีโอกาสเท่าไรที่จะเป็นโรคจิตเภท



แฝดฝาเดียวกัน หรือ ฝาแฝดเหมือนของผู้ป่วยจิตเภท มีคัมภีร์จีโนมที่เหมือนกับผู้ป่วยเป๊ะทุกประการ (ถ้าไม่รู้แปลว่าอะไรให้อ่าน ตอนคัมภีร์ชีวิต) จะมีโอกาสเป็นโรคจิตเภทถึง 48% เห็นชัดๆว่า ถ้ามีจีนเหมือนกันทำให้มีโอกาสเป็นโรคจิตเภทเหมือนกันสูงกว่า ถ้าเทียบกับคนที่ไม่มีจีนเหมือนกับเราเลย เช่น เพื่อนที่โรงเรียนที่เป็นโรคจิตเภท จะมีโอกาสเป็นโรคจิตเภทแค่ 1% แค่นั้นเอง แปลว่าจะต้องมีจีนบางตัวที่เป็นต้นเหตุของโรคจิตเภทนั่นเอง

โรคย้ำคิดย้ำทำก็ติดต่อทางกรรมพันธุ์เหมือนกับโรคจิตเภท แค่นั้นไม่พอมีนักจิตวิทยา กับนักสถิติร่วมมือกันพยายามเสาะหาเลยว่ายีนตัวไหนกันที่ทำให้เกิดโรคย้ำคิดย้ำทำ โดยเอาคลี่คัมภีร์จีโนมออกมาดู เอ ในเมื่อเราอ่านคัมภีร์ไม่ออก คลี่ออกมาดูแล้วจะได้อะไรขึ้นมา อ่า...

ลองคิดว่ามีฝรั่งมาอยู่เมืองไทยกำลังหัดอ่านภาษาไทย สั่งกับข้าวได้ อ่านป้ายออก แต่ว่าไม่ค่อยรู้ชื่อคน หรือคำยากๆ คำอื่น แล้วอยากรู้ว่า อภิสิทธิ์ สะกดยังไง แต่เผอิญพจนานุกรมก็ไม่มี แต่ว่านายคนนี้เป็นนักสถิติ เลยเอาวิธีแก้ปัญหา หรือเรียกว่า อัลกอริธึม (Algorithm) ที่เคยเรียนมามาใช้

ออลกอริธึมง่ายๆ แค่นี้เอง

1. เข้าอินเตอร์เน็ต ไปเอาบทความจากหนังสือพิมพ์ที่เกี่ยวกับเสื้อแดงประท้วงมา
2. ใช้คอมพิวเตอร์ หาคำที่เกือบทุกบทความมีเหมือนกันหมด
3. เอาคำง่ายๆ ที่เรารู้แล้วว่าไม่ใช่อภิสิทธิ์แน่นอนออกไป เช่น เป็น อยู่ เข้า เดิน กรุงเทพ ปิด ถนนฯลฯ
4. เอาคำที่เหลือไปถามคนข้างบ้านว่า คำไหนอ่านว่าอภิสิทธิ์

แค่นี้เอง ง่ายมั้ย (แต่ที่จริงขั้นตอนที่ 2 ไม่ค่อยจะง่ายเท่าไร ต้องเขียนโปรแกรมกันหัวปั่น แล้วก็ใช้คอมพิวเตอร์ที่เร็วมากๆ ถึงจะได้)

คราวนี้เราอยากรู้ว่าในภาษาจีโนม โรคย้ำคิดย้ำทำนี่เขียนยังไง ปรากฎว่าวิธีคล้ายกันมากครับ 4 ขั้นตอนเหมือนกัน

1. วิธีก็คือไปแอบเอาแปรงอันเล็กๆมาขูดเยื้อบุแก้มข้างในปากของผู้ปวยโรคนี้มา



แล้วก็ดึงเอาคัมภีร์จีโนม (หรือที่เคยได้ยินกันว่า ดีเอ็นเอ) ซึ่งหน้าตามันคล้ายๆบันไดม้วนๆ ที่อาจจะเคยเห็นกันในหนัง



มันเหมือนคัมภีร์จริงๆ ตัวหนังสืออังกฤษ A, T, C, G เป็นแค่ตัวย่อของสารเคมีที่เอามาใช้เหมือนเป็นภาษาในคัมภีร์ แต่ว่าภาษานี้มีตัวอักษรแค่สี่ตัว เสร็จแล้วก็ดึงเอาตัวหนังสือในคัมภีร์ ออกมาใส่คอมพิวเตอร์

2. ใช้คอมพิวเตอร์มาตรวจหาว่าส่วนไหนที่คัมภีร์เหมือนกันหมด (เขียนโปรแกรมกันเหนื่อยนิดนึง)
3. พยายามเอาคำง่ายๆ ออกไป เพราะว่านักจีโนมพอจะอ่านออกบ้างแล้ว ก็ลองคัดๆทิ้งไปเท่าที่ได้
4. ส่งข้อมูลไปให้นักชีวะลองไปศึกษาตรวจสอบดูว่าอันไหนน่าจะเป็นจีนที่เกี่ยวข้องกับโรคย้ำคิดย้ำทำมากที่สุด

แค่นี้เอง ผลปรากฎว่าเจอจีนตัวนึงที่ทำให้สารเคมีภายในร่างกายไม่เป็นปกติ ทำให้เกิดโรคย้ำคิดย้ำทำขึ้นมา

ตอนนี้นักชีวะ นักสถิติทั่วโลก กำลังทำงานกันวุ่นเลยครับ เพราะพยายามหาวิธีอ่านเจ้าคัมภีร์นี้อยู่ ไม่ว่าจะลองหาอัลกอริธึมใหม่ๆ (พัฒนาขั้นตอนที่ 2 )หรือว่าพยายามทำการทดลองทางชีวะทำให้แน่ใจว่าจีนตัวนั้นเป็นสาเหตุของโรคชัวร์ๆ (พัฒนาขั้นตอนที่ 4)

แต่ว่าแค่นี้ยังไม่จบง่ายๆ ถ้าคิดดีๆ ถ้าโรคจิตเภทเกิดเพราะจีน หรือกรรมพันธุ์อย่างเดียว ไม่มีสาเหตุอื่น ถ้างั้นถ้าฝาแฝดเหมือนคนนึงเป็นโรคจิตเภท อีกคนนึงก็ต้องมีโอกาสเป็นจิตเภทเหมือนกันเกือบ 100% แต่ว่ากราฟข้างบนบอกแค่ 48% อีก 52% มาจากไหนกันล่ะ

ย้อนกลับมาประเด็นเดิมที่เคยพูดไปแล้วในตอนคัมภีร์ชีวิต ฝาแฝดฝาเดียวกันมักจะได้รับการเลี้ยงดูที่คล้ายกัน สิ่งแวดล้อมคล้ายๆ กัน ไปโรงเรียนเดียวกัน คุยกับพ่อแม่เดียวกัน นักจิตวิทยาเลยตั้งทฤษฎีขึ้นมา เรียกว่า แนวโน้ม และ ตัวการ (diathesis-stress model)

เปรียบเทียบกับเหมือนไข่ไก่ที่ร้าวนิดนึง เคาะนิดเดียวก็แตก แต่ว่าไม่เคาะก็ไม่แตก

ทฤษฎีนี้บอกว่า จีนเป็นตัวกำหนดแนวโน้ม (ไข่ไก่ร้าวมากน้อยแค่ไหน) และสภาพสิ่งแวดล้อมเป็นตัวการ (เคาะไข่แรงมากน้อยแค่ไหน) สรุปก็คือว่าโรคจิตนั้นมีทั้งสาเหตุทางกายภาพ (เช่น จีนทำให้สารเคมีในร่างกายไม่ปกติ) และสาเหตุทางจิต (เช่น ความเครียด) ซึ่งที่จริงไม่ต่างอะไรกับเป็นไข้เลย เพราะไข้ก็มีสาเหตุทางกายภาพ (เช่น เชื้อไวรัสเข้าไปเที่ยวเล่นในร่างกาย) และสาเหตุทางจิต (เช่น อ่านหนังสือหนัก เครียดเกิน เลยไข้จับ)

คนเมกันเข้าใจจุดนี้ดีมากๆ ครับ เลยเข้ารับการรักษาแบบไม่มีการอายกัน เพราะคิดว่ามันเป็นแค่โรค โรคๆนึงที่หลักการไม่ได้ต่างจากมะเร็งหรือมาลาเรียเลย นี่เป็นจุดนึงที่คนไทยควรทราบกันครับ ถ้าเกิดว่าไม่ค่อยสบายทางจิต หรือคิดว่าเข้าข่ายโรคทางจิต ควรรีบปรึกษาจิตแพทย์ หรือพบนักจิตวิทยา เพราะยิ่งปล่อยไว้นานเท่าไร ก็ยิ่งต้องทรมานกับโรคมากเข้าไปเท่านั้นครับ

เย่ ขอจบโรคจิตเท่านี้ครับผม

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น